Home » คู่มืออาหารที่ควรทานและควรงดหลังทำรากฟันเทียม
รากฟันเทียม หรือ dental implant เป็นวิธีการใส่ฟันปลอมชนิดติดแน่นที่มีประสิทธิภาพสูง ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ใช้งานได้สะดวก ทนทาน และช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หลังการทำรากฟันเทียม การดูแลรักษา รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม มีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของรากเทียม Pearl Dental Clinic Chiang Mai จะพาคุณไปรู้จักกับอาหารที่ควรทานและควรหลีกเลี่ยงหลังการทำรากเทียม เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด
รากฟันเทียม ทำจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น ไทเทเนียม ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อในร่างกาย โดยขั้นตอนการทำรากฟันเทียม จะเป็นการผ่าตัดเพื่อฝังรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกรเพื่อเป็นฐานให้กับฟันปลอมที่ครอบไว้ด้านบน ซึ่งการดูแลรักษาตัวเองในช่วงหลังการปลูกรากฟันเทียมมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่แผลกำลังฟื้นตัว การเลือกอาหารจึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและช่วยให้แผลสมานไวขึ้น
การเลือกรับประทานอาหารหลังการฝังรากฟันเทียม (Dental Implant) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แผลฟื้นตัวได้รวดเร็วและลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรก คือ อาหารแข็งหรือเหนียว เช่น สเต็ก ถั่วเปลือกแข็ง และหมากฝรั่ง เนื่องจากการเคี้ยวแรงเกินไปอาจทำให้รากเทียมเคลื่อนหรือหลุดได้ รวมถึงอาหารที่ร้อนหรือเย็นจัด เช่น กาแฟร้อนจัดและไอศกรีม ซึ่งอาจกระตุ้นให้แผลระคายเคืองหรือเกิดการอักเสบได้ง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารติดค้างในบาดแผล ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีลักษณะกรอบหรือแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่น ข้าวโพดคั่วและขนมขบเคี้ยว
ในช่วงฟื้นตัว ควรเน้นรับประทานอาหารเหลวและอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายอย่างน้อย 1 เดือน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปไก่ และมันบด เพื่อลดแรงบดเคี้ยวและช่วยให้บริเวณรากเทียมสมานตัวได้ดี อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น เนื้อปลา ไข่ต้ม และเต้าหู้ รวมถึงอาหารที่มีวิตามินซีและไขมันดีอย่างอะโวคาโดและน้ำมันปลา ยังช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและลดการอักเสบได้ดี นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ และเคี้ยวอาหารโดยใช้ฟันด้านที่ไม่ได้ทำการฝังรากเทียม เพื่อลดแรงกดและปกป้องรากฟันเทียมให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
อาหารอ่อนช่วยลดแรงกดบนรากฟันเทียมและบริเวณแผลผ่าตัด เช่น:
โปรตีนช่วยในการฟื้นฟูและสมานแผล เช่น:
ผักและผลไม้ที่ปรุงสุกหรือมีเนื้อนุ่มช่วยเพิ่มวิตามิน เช่น:
น้ำมันปลาและโอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ เช่น:
อาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวมากอาจทำให้รากเทียมเกิดความเสียหายหรือแรงดันเกินไป เช่น:
อาหารประเภทนี้อาจเกิดเศษเล็กๆ ไปติดบริเวณรอยแผล เช่น:
อาหารเผ็ดและร้อนจัดอาจกระตุ้นการอักเสบและทำให้แผลเจ็บมากขึ้น เช่น:
การดูแลอาหารการกินหลังปลูก รากฟันเทียม เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้แผลฟื้นตัวได้เร็วและลดความเสี่ยงต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การเลือกอาหารที่อ่อน ย่อยง่าย และมีคุณค่าทางโภชนาการจะช่วยให้การฟื้นตัวของร่างกายเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำให้แผลอักเสบ เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก็สำคัญไม่แพ้กน
สำหรับท่านใดที่มีคำถามเพิ่มเติมหรือกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมรากเทียมที่มีความเชี่ยวชาญ Pearl Dental Clinic Chiang Mai ยินดีให้คำปรึกษาและดูแลคุณทุกขั้นตอน
สำหรับการทำ รากฟันเทียม ที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม อย่าลืมใส่ใจทั้งการเลือกอาหารและการดูแลสุขภาพช่องปากเพื่อให้รอยยิ้มของคุณแข็งแรงและสวยงามไปนาน ๆ
ควรทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายอย่างน้อย 1 เดือน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปไก่ และมันบด เพื่อลดแรงบดเคี้ยวและช่วยให้แผลสมานตัวได้ดี (อ้างอิงจากย่อหน้า “ในช่วงฟื้นตัว ควรเน้นรับประทานอาหารเหลวและอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายอย่างน้อย 1 เดือน”)
ควรหลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเหนียว (เช่น สเต็ก ถั่วเปลือกแข็ง) อาหารร้อนหรือเย็นจัด และอาหารที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ เพราะอาจทำให้รากเทียมเคลื่อนหรือมีเศษอาหารติดในแผล (อ้างอิงจากส่วน “อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรก”)
เพราะการดูดน้ำด้วยหลอดอาจเพิ่มแรงดันในช่องปากและส่งผลเสียต่อกระบวนการสมานแผล (อ้างอิงจากส่วน “เคล็ดลับการดูแลตัวเองหลังทำรากฟันเทียม”)
บทความล่าสุด
ทำฟัน ประกันสังคม 900 บาท ไม่ต้องสำรองจ่าย ที่ PEARL DENTAL CLINIC
เทคนิคการดูแลรากเทียมด้วยตัวเองที่บ้าน ให้อยู่ได้ยาวนาน
นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์
เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์
เวลาทำการ 9.30 – 20.00 น.
ที่อยู่ : 316 โครงการ J Space ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
แผนที่ : Pearl Dental Clinic