รากฟันเทียมขนาดเล็ก (Mini Implant) คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง

รากฟันเทียมขนาดเล็กเป็นรากเทียมที่มักผลิตจากโลหะผสมไทเทเนียม (Titanium Alloy) เช่นเดียวกับรากฟันเทียมทั่วไป โดยมีการออกแบบเกลียวเป็นรูปตัว V ลึก (Deep V Pattern) ซึ่งช่วยยึดเกาะกับกระดูกได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติทั้งปาก

การใช้รากฟันเทียมขนาดเล็กร่วมกับฟันเทียมทั้งปากช่วยแก้ปัญหาที่มักพบในฟันปลอมแบบทั่วไป เช่น เพิ่มความมั่นคง ลดการเลื่อนหลุดของฟันเทียม ทำให้เคี้ยวอาหารได้สะดวกขึ้น และลดความเจ็บปวดจากการเสียดสีของอุปกรณ์ในช่องปาก

สำหรับผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจไม่สามารถรับการฝังรากฟันเทียมขนาดปกติได้ เนื่องจากรากเทียมมีขนาดใหญ่และต้องการปริมาณกระดูกที่มากเพียงพอ ในบางกรณีอาจต้องทำการผ่าตัดปลูกกระดูกเพิ่มเติม เช่น การยกพื้นไซนัส (Sinus Lift) ก่อนจึงจะสามารถฝังรากฟันเทียมขนาดปกติได้  รากฟันเทียมขนาดเล็กจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการรักษา และในกลุ่มที่มีข้อจำกัดสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิด หรือได้รับยาที่เป็นข้อห้ามต่อการฝังรากฟันเทียมมาตรฐาน

วิธีนี้จึงเป็นหัตถการที่มีผลกระทบต่อผู้ป่วยน้อย (Low Invasive) ใช้เวลาน้อยกว่า และช่วยให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้งานฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ที่สำคัญรากฟันเทียมขนาดเล็กยังช่วยลดการสูญเสียกระดูก ชะลอการฝ่อของกระดูกขากรรไกร และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพช่องปากอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของรากฟันเทียมขนาดเล็ก

• ใช้เวลาฝังเร็วกว่า สามารถติดตั้งได้ในครั้งเดียวโดยไม่ต้องรอนาน
• ลดการเจ็บปวด การผ่าตัดมีขนาดเล็กลง จึงทำให้เกิดบาดแผลน้อย แผลสมานไว
• เหมาะกับคนที่มีกระดูกขากรรไกรน้อย ไม่ต้องปลูกกระดูกเพิ่มเติม
• ความสวยงามของฟัน และประสิทธิภาพที่ดีเหมือนการฝังรากเทียมขนาดปกติ

ข้อเสียของรากฟันเทียมขนาดเล็ก (Mini Implant)

• ไม่เหมาะกับฟันที่ต้องรับแรงบดเคี้ยวมาก เช่น ฟันกราม
• อายุการใช้งานสั้นกว่ารากเทียมปกติ
• เสี่ยงต่อการแตกหักง่ายกว่า