PEARL DENTAL CLINIC

การตรวจติดตามผลรากเทียมระยะยาว ต้องดูอะไรบ้าง

การทำรากเทียม (Dental implant) ไม่ใช่เพียงแค่การใส่รากให้เสร็จแล้วจบ  แต่ต้องมีการดูแลและตรวจติดตามในระยะยาวด้วย เพื่อให้รากฟันเทียมอยู่กับเราไปได้นานหลายปีแบบมั่นคง แล้วหลายคนอาจสงสัยว่าเมื่อติดตั้งรากฟันเรียบร้อยแล้วจะต้องตรวจอะไรบ้าง ดูอย่างไรว่าใช้งานได้ดี บทความนี้ PEARL จะพาไปเจาะลึกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการดูแลและติดตามผลหลังฝังอย่างมืออาชีพ

การตรวจติดตามผลรากเทียมระยะยาว ต้องดูอะไรบ้าง

ทำไมต้องตรวจติดตามรากฟันเทียมหลังฝัง

การฝังรากเทียมหรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Dental implant วิธีการทดแทนฟันที่หายไปได้อย่างถาวรและมีความคงทนสูง อย่างไรก็ตาม การทำรากฝังเทียมนี้ไม่ได้จบลงแค่ขั้นตอนการฝังเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการตรวจติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่ารากจะทำหน้าที่ได้ดีในระยะยาว

และหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ต้องตรวจติดตามผลหลังการฝัง คือ เพื่อตรวจสอบว่ารากที่ฝังไว้ยึดเกาะกับกระดูกได้สมบูรณ์หรือไม่ มีภาวะอักเสบ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เกิดขึ้นหรือเปล่า ซึ่งหากละเลยการตรวจติดตาม อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง เช่น การสูญเสียรากฝังเทียมไปเลยหรือการอักเสบรอบๆ (Peri-implantitis) ซึ่งรักษายากและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการป้องกัน

ดังนั้นการเข้ารับการตรวจติดตามตามคำแนะนำของทันตแพทย์ จึงเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการฝังรากเลยทีเดียว

สารบัญเนื้อหา

ขั้นตอนการตรวจรากเทียมหลังฝังอย่างละเอียด

เมื่อคุณทำรากเทียมแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือ “การตรวจติดตามผลเป็นประจำ” เพื่อป้องกันความเสื่อมสภาพและยืดอายุการใช้งานของราก ให้คุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาว โดยรายการตรวจที่แนะนำมีดังนี้ :

  1. ตรวจการยึดเกาะของรากที่ฝังไว้กับกระดูกขากรรไกรด้วยการถ่ายเอ็กซเรย์ ที่จะช่วยให้ทันตแพทย์เห็นโครงสร้างของ Dental implant ว่าฝังแน่นหรือมีการเคลื่อนตัวหรือไม่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพิจารณาว่ารากที่ฝังไว้สามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
  2. ตรวจหาภาวะอักเสบรอบรากฟันเทียม (Peri-implantitis) ซึ่งภาวะอักเสบนี้สามารถเกิดขึ้นได้แม้ดูแลความสะอาดดี แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้สูญเสียกระดูกและส่งผลให้รากที่ฝังหลุดได้
  3. ตรวจความแน่นและการสบฟันร่วมกับรากที่ฝังเพื่อดูว่าการเคี้ยวยังอยู่ในแนวปกติหรือไม่ เพราะแรงเคี้ยวที่ผิดแนวอาจส่งผลต่ออายุของรากได้
  4. ตรวจสุขภาพช่องปากโดยรวม เช่น ฟันข้างเคียง เหงือก หรือการติดเชื้อที่อาจส่งผลกระทบต่อ Dental implant
  5. ให้คำแนะนำด้านการดูแลรักษา โดยทันตแพทย์จะประเมินพฤติกรรมการดูแลช่องปาก เช่น การแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และแนะนำการดูแลแบบเฉพาะจุด

การตรวจติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงช่วยให้คุณมั่นใจในประสิทธิภาพของรากฟันเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาก่อนที่จะลุกลาม และทำให้รากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้นานยิ่งขึ้น

ควรตรวจรากเทียมบ่อยแค่ไหน ความถี่ที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่

หลังจากฝังรากเทียมแล้ว การตรวจติดตามผลตามวัน เวลานัดหมายถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และตรวจสอบความมั่นคง โดยทั่วไปมีแนวทางดังนี้

  • เดือนแรก – 2 เดือนแรก: เป็นช่วงที่ควรตรวจติดตามเพื่อดูว่ารากเริ่มยึดเกาะกับกระดูกได้ดีหรือไม่
  • ภายใน 6 เดือนแรก: ทันตแพทย์จะประเมินการใช้งานจริงของราก รวมถึงพฤติกรรมการเคี้ยว การสบฟัน และสุขภาพเหงือก
  • หลังจากครบ 1 ปี: ควรตรวจรากฟันเทียมอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อดูว่ามีการสึกหรอ การคลอน หรือการอักเสบเกิดขึ้นหรือไม่

การพบแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาเล็กๆ ก่อนลุกลาม และช่วยยืดอายุของรากที่ฝังไว้ได้อีกหลายปี

อาการผิดปกติที่ควรระวังหลังฝังรากเทียม

แม้จะตรวจเป็นระยะ แต่การสังเกตอาการผิดปกติด้วยตนเองก็สำคัญเช่นกัน หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที

  1. รู้สึกเจ็บหรือบวมบริเวณราก แม้ผ่านไปแล้วหลายเดือน
  2. เหงือกแดงหรือมีเลือดออกขณะแปรงฟัน
  3. มีกลิ่นปากเฉพาะจุด หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์จากบริเวณที่ทำการฝังรากมา
  4. รากเริ่มรู้สึกคลอน เคี้ยวแล้วไม่มั่นใจ

อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงการอักเสบรอบรากฟัน หรือปัญหาเรื่องการยึดเกาะ ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจต้องถอดออก

เทคนิคดูแลรากเทียมให้ใช้งานได้นาน ไม่อักเสบ

การดูแลรักษารากที่ฝังไว้นี้เป็นเรื่องง่าย แต่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้

  1. แปรงฟันอย่างถูกวิธีใช้แปรงขนนุ่มและแปรงรอบๆ รากเทียมอย่างเบามือเป็นประจำ
  2. ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน ทำความสะอาดบริเวณรากอย่างละเอียด ลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์
  3. หลีกเลี่ยงของแข็งหรือเหนียว งดเคี้ยวน้ำแข็งหรือของแข็งที่อาจทำให้ Dental implant เสียหาย

ควรตรวจสุขภาพช่องปากสม่ำเสมอและพบแพทย์ตามกำหนด หรือเลือกคลินิกที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านรากฟันเทียม เช่น PEARL DENTAL CLINIC เพื่อการดูแลที่ต่อเนื่อง

สรุปดูแลรากเทียมอย่างไรให้ใช้งานได้ยาวนาน

การดูแลและตรวจติดตาม รากเทียม อย่างสม่ำเสมอ เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้คุณใช้งานได้ยาวนานโดยไม่มีปัญหา ไม่เพียงแต่ป้องกันภาวะแทรกซ้อน แต่ยังคงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกวันของคุณ และหากคุณต้องการตรวจรากฟันโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทาง สามารถนัดหมายเข้ามาได้ที่ PEARL DENTAL CLINIC

คำถามพบบ่อย: ดูแลรากเทียมอย่างไรให้ปลอดภัย

ถ้าพลาดการตรวจตามนัด จะมีผลเสียไหม

การพลาดการตรวจติดตามอาจทำให้ไม่สามารถตรวจพบปัญหาได้ทันเวลา เช่น ภาวะอักเสบหรือการคลอนของราก จึงควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์ทันทีเมื่อทราบว่าพลาดนัด

ต้องทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน

แนะนำให้แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันทุกวัน เพื่อป้องกันคราบจุลินทรีย์สะสมบริเวณนั้น

หากรู้สึกระคายเคืองที่รากควรทำอย่างไร

หยุดใช้งานในบริเวณนั้นทันที และรีบปรึกษาทันตแพทย์ อย่าปล่อยไว้นาน เพราะอาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือปัญหาการยึดเกาะ

Facebook
Twitter
Email
X

บทความล่าสุด

นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์

เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์
เวลาทำการ 9.30 – 20.00 น.

ที่อยู่ : 316  โครงการ J Space ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 

แผนที่ : Pearl Dental Clinic