PEARL DENTAL CLINIC

รากเทียม PEARL DENTAL CLINIC สิ่งที่ต้องรู้และใครที่ควรทำ​

รากเทียม สิ่งที่ต้องรู้และใครที่ควรทำ​

สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาสูญเสียฟันแท้ และกำลังสนใจทดแทนฟันแท้ที่เสียไปโดยการทำรากฟันเทียม แต่ยังไม่แน่ใจว่าการทำ รากเทียม นั้นเป็นอย่างไร โดยเฉพาะข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม ไปจนถึงความเหมาะสมของสภาพช่องปากว่าสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งในบทความนี้ Pearl Dental Clinic ชวนผู้อ่านทุกท่านมาทำความเข้าใจก่อนทำรากฟันเทียม ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

สารบัญเนื้อหา

ฟันปลอม (Denture)

เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนสงสัย และมีหลายคนเข้าใจว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกัน ซึ่งมีทั้งส่วนที่เหมือนกันและแตกต่างกัน โดยทั้งสองเป็นวิธีการทางทันตกรรมที่มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การทดแทนฟันแท้ที่สูญเสียไป ไม่ว่าจากอุบัติเหตุหรือสุขภาพช่องปากต่าง ๆ แต่จะมีรายละเอียดที่ต่างกัน เช่น วัสดุ หรือวิธีการรักษา เป็นต้น Pearl Dental Clinic ชวนมารู้จักความแตกต่างระหว่าง รากเทียม และฟันปลอมให้มากยิ่งขึ้น โดยเริ่มที่การทำความเข้าใจวิธีการรักษารากฟันเทียม

รากฟันเทียม (Dental Implant) คืออะไร?

รากฟันเทียม (Dental Implant) เป็นวิธีการทางทันตกรรมเพื่อทดแทนฟันแท้ที่เสียไป โดยการใช้วัสดุที่มีรูปร่างคล้ายน็อตหรือสกรู ทำจากไทเทเนียมที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อทำหน้าที่เป็นการทดแทนรากฟัน เพื่อรองรับการทำฟันปลอม, สะพานฟัน หรือครอบฟันที่ทำมาจากวัสดุเซรามิก ซึ่งมีข้อดีดังนี้ 

  • ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติเหมือนฟันจริง
  • ใช้ชีวิตได้ปกติทั้งการกินและการพูด
  • มีความคงทนแข็งแรง ใช้งานได้นาน
  • ติดแน่นถาวร หมดปัญหาฟันปลอมหลุด 
  • ดูแลทำความสะอาดง่าย

 

แต่การทำ รากเทียม ไม่ได้มีเพียงข้อดีอย่างเดียว ยังมีข้อจำกัดที่ทำให้หลายคนไม่สามารถรักษาโดยวิธีการนี้ได้ เช่น

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่รุนแรง
  • ใช้เวลาในการผ่าตัดและรักษานาน 
  • มีขั้นตอนการทำเยอะกว่าฟันปลอม
  • มีราคาสูง

ฟันปลอม (Denture) คืออะไร?

ต่อมาคือ ฟันปลอม (Denture) คือฟันที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่เสียไป เช่นเดียวกับรากเทียม แต่ฟันปลอมมีเพียงแค่ส่วนที่เป็นตัวฟัน มีได้ทั้งแบบซี่เดียวหรือหลายซี่ และมีหลายประเภท เช่น ฟันปลอมแบบติดแน่น ฟันปลอมแบบถอดได้ ซึ่งการทำฟันปลอมสามารถทำได้โดยไม่ต้องฝังรากเหมือนการทำรากฟันเทียม มีข้อดีตรงที่ราคาย่อมเยาว์กว่ารากเทียม มีหลายประเภทให้เลือกตามความสะดวก แต่แลกมาด้วยความไม่สะดวกสบายในการสวมใส่ และมีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพในอนาคต

มีรูปร่างลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติ เพื่อทำหน้าที่ทดแทนฟันแท้ที่เสียไป โดยทำจากวัสดุเซรามิก สามารถลอกเลียนสีหรือรูปร่างให้ใกล้เคียงกับฟันแท้เดิมได้

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำรากเทียม

การทำรากฟันเทียมนั้นเป็นการรักษาเพื่อทดแทนฟันเดิมที่เสียไป มีขั้นตอนการรักษาหลายขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมตัว รู้จักชนิดของรากฟันเทียม ขั้นตอนการทำ และวิธีการดูแลรักษา ซึ่ง Pearl Dental Clinic ได้รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนทำรากฟันเทียมมาให้ดังนี้

ชนิดของรากฟันเทียมมีกี่แบบ?

1.รากฟันเทียมแบบซี่เดียว (Single Tooth Dental Implant) 

เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสูญเสียฟันเพียงจุดเดียว หรืออาจเป็นฟันหลายซี่ในคนละตำแหน่ง วิธีนี้จะใช้รากเทียม 1 ตัวต่อฟัน 1 ตำแหน่ง ซึ่งสามารถดูแลรักษาได้ง่าย ไม่ต่างจากการดูแลฟันปกติ 

2.รากฟันเทียมแบบหลายซี่ติดกัน (Implant Support Dental Bridge) 

เหมาะสำหรับผู้ที่มีการสูญเสียฟันหลายซี่ในตำแหน่งที่ติดกัน โดยการรักษาจะใช้รากเทียมควบคู่กับการทำสะพานฟัน โดยจะยึดรากเทียมไว้ที่ฟันซี่แรกและซี่สุดท้าย

3.รากฟันเทียมแบบทั้งขากรรไกร (Implant Support Denture) 

ในกรณีที่คนไข้สูญเสียฟันทั้งขากรรไกร หรือเหลือฟันแท้อยู่เพียงบางส่วนของขากรรไกร การทำรากเทียมแบบทั้งขากรรไกรจะช่วยให้สามารถพูดออกเสียงได้ตามปกติ ลดอัตราการละลายของกระดูกขากรรไกร และยังรักษาโครงหน้าเดิมไว้

ก่อนทำรากเทียมต้องเตรียมตัวอย่างไร

การทำรากฟันเทียมนั้นเป็นการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาในการทำนานหลายเดือน สิ่งแรกที่คือการหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียม เช็คความเหมาะสมทั้งในด้านวิธีการรักษาและงบประมาณ เช็คโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายในการทำรากเทียม ที่สำคัญคือการมองหาคลินิกทันตกรรมที่มีคุณภาพ โดยอย่างยิ่งคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการทำรากฟันเทียม เช่นเดียวกับ Pearl Dental Clinic ที่มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำรากเทียม สามารถให้คำปรึกษาก่อนตัดสินใจรักษาได้

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

  1. เข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษา ซักประวัติเบื้องต้น โดยในขั้นตอนนี้จะมีการประเมินช่องปากอย่างละเอียดโดยการ x-ray หรือพิมพ์ฟัน เพื่อนำไปวางแผนการรักษา 
  2. ทันตแพทย์จะนำผลการประเมินช่องปากมาวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
  3. ต่อมาคือการผ่าตัดเพื่อใส่รากฟันเทียม โดยก่อนวันนัดหมายผ่าตัดแนะนำว่าควรพักผ่อนให้เพียงพอ ในขั้นตอนนี้จะเป็นการผ่าตัดเพื่อใส่ในส่วนของรากฟันเทียมลงบนกระดูกขากรรไกร และจะเว้นระยะ 3-6 เดือนเพื่อให้ตัวรากเทียมติดแน่นเข้ากับกระดูกขากรรไกร 
  4. เมื่อรากฟันเทียมมีการติดแน่นดีแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือทันตแพทย์จะทำครอบฟัน หรือฟันปลอมส่วนบนที่มีลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติ

การดูแลรักษารากฟันเทียม และข้อควรระวัง

  • เลี่ยงการแปรงฟัน 2-3 วันแรก ทำความสะอาดโดยใช้วิธีการบ้วนปากแทน หลังจากนั้นสามารถทำความสะอาดโดยการแปรงฟันเหมือนฟันปกติ โดยใช้แปรงขนนุ่ม และแปรงอย่างระมัดระวัง 
  • หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารบริเวณรากฟันเทียม และหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีความแข็งหรือเหนียว 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดในช่วงแรก
  • ไม่ควรสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
ใครเหมาะสมกับการรักษารากฟันเทียม

 

การทำ รากฟันเทียม นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสูญเสียฟันธรรมชาติทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณฟันหน้าที่สามารถมองเห็นได้ง่าย หรือฟันกรามที่ใช้เคี้ยว เพื่อช่วยให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติทั้งการเคี้ยวอาหาร และการพูด อีกทั้งยังช่วยเสริมความมั่นใจมากขึ้น แต่มีข้อจำกัดคือ ผู้ที่ทำรากเทียมควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากกระดูกขากรรไกรมีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว 

สำหรับผู้อ่านที่กำลังมองหาการทำรากฟันเทียมในเชียงใหม่ ต้องที่ Pearl Dental Clinic เราคือคลินิกทันตกรรม โดยทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการทำรากฟันเทียม พร้อมด้วยเครื่องมือทันสมัย ในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมโปรโมชันพิเศษ และสามารถแบ่งชำระผ่านบัตรเครดิตได้ เพื่อเรียกรอยยิ้มที่สวยงามอย่างมั่นใจกลับมา

Facebook
Twitter
Email
X

บทความล่าสุด

นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์

เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์
เวลาทำการ 9.30 – 20.00 น.

ที่อยู่ : 316  โครงการ J Space ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 

แผนที่ : Pearl Dental Clinic