PEARL DENTAL CLINIC

เปรียบเทียบ รากเทียมแบบรากเดียว vs สะพานฟัน ต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบ รากเทียมแบบรากเดียว vs สะพานฟัน ต่างกันอย่างไร

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาการสูญเสียฟัน ฟันหลอ และกำลังมองหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสม รากเทียม (Dental Implant) ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยม เพราะช่วยคืนความมั่นใจในการใช้งานฟันได้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังลังเลระหว่างการทำ Dental Implant กับการทำสะพานฟันว่าทางเลือกไหนตอบโจทย์ทั้งในด้านการใช้งานและงบประมาณมากกว่ากัน ในบทความนี้ Pearl Dental Clinic Chiang Mai จะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรากฟันเทียม เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธี และแนะนำแนวทางการเลือกทันตกรรมที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด

สารบัญเนื้อหา

รากเทียมและสะพานฟันต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ

สะพานฟันคืออะไร

สะพานฟันหรือครอบฟันหลาย ๆ ซี่ที่ติดกัน ออกแบบมาเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยไม่ต้องถอดเข้า-ออก วิธีการทำจะต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงทั้งสองด้านให้เป็นฐานรองรับสะพานฟัน ซึ่งหมายความว่าฟันที่อยู่ติดกันต้องมีความแข็งแรงและสมบูรณ์เพียงพอเพื่อรองรับการใช้งาน

ขั้นตอนการทำสะพานฟัน

การทำสะพานฟันมี 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

  1. ตรวจวินิจฉัยและเตรียมฟัน ทันตแพทย์จะตรวจสภาพฟันและทำการกรอฟันซี่ข้างเคียงเพื่อใช้เป็นฐานรองรับสะพานฟัน
  2. พิมพ์ฟันและใส่ครอบฟันชั่วคราว ทำแบบพิมพ์ฟันเพื่อนำไปประดิษฐ์สะพานฟันถาวร พร้อมติดตั้งครอบฟันชั่วคราวเพื่อให้คนไข้ปรับตัวก่อนใส่สะพานฟันจริง
  3. ติดตั้งสะพานฟันถาวร ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากพิมพ์ฟัน ทันตแพทย์จะนัดเพื่อตรวจสอบและติดตั้งสะพานฟันถาวรให้เรียบร้อย

ข้อดีของการทำสะพานฟัน

  • ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการฝังรากเทียม และใช้ระยะเวลาในการรักษาสั้นกว่า
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องฝัง Dental Implant

ข้อจำกัดของการทำสะพานฟัน

  • ต้องกรอฟันซี่ข้างเคียง ซึ่งทำให้สูญเสียเนื้อฟันธรรมชาติไป
  • ฟันที่เป็นฐานรองรับสะพานฟันต้องรับแรงเคี้ยวมากขึ้น อาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • อาจเกิดเศษอาหารติดบริเวณซอกเหงือก ส่งผลให้เกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบได้
  • อายุการใช้งานสั้นกว่ารากฟันเทียม และอาจต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อเวลาผ่านไป
  • ไม่สามารถใช้กับฟันกรามซี่ในสุดได้ เนื่องจากไม่มีฟันข้างเคียงสำหรับเป็นฐานรองรับสะพานฟัน

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำสะพานฟัน

  • ผู้ที่สูญเสียฟันติดกัน 1-3 ซี่ขึ้นไป 
  • มีสุขภาพฟันและเหงือกแข็งแรง ไม่มีปัญหาโรคเหงือกหรือฟันผุที่รุนแรง
  • ฟันซี่ข้างเคียงต้องมีความแข็งแรงเพียงพอ เพื่อรองรับสะพานฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ควรปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อประเมินความเหมาะสมตามสภาพฟัน สุขภาพช่องปาก และโรคประจำตัว

รากเทียมคืออะไร

รากเทียม (Dental Implant) เป็นวิธีการทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยใช้การผ่าตัดฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร เพื่อให้สามารถรองรับฟันปลอมได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง ทันตแพทย์จะออกแบบและสั่งทำฟันปลอม ด้วยการเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสีฟัน ลักษณะการใช้งานของแต่ละบุคคล จากนั้นนำมาติดตั้งบนรากเทียมที่ฝังไว้ เพื่อช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหาร พูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน

การปลูกรากฟันเทียมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

1.ปลูกรากเทียมแบบเดี่ยว (Single Dental Implant)

เป็นการปลูกรากฟันเทียม 1 รากต่อ 1 ตำแหน่ง ซึ่งสามารถทำได้หลายตำแหน่งในช่องปาก ตามความจำเป็นของผู้ป่วย วิธีนี้ใช้การผ่าตัดฝังรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกรโดยตรง ไม่ต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงเหมือนกับการทำสะพานฟัน ทำให้สามารถดูแลความสะอาดได้ง่ายกว่า หลังติดตั้งแล้วจะช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัสดุมีความแข็งแรงทนทานคล้ายฟันธรรมชาติ สามารถเลือกเฉดสีให้กลมกลืนกับฟันจริง และเป็นฟันปลอมแบบติดแน่นถาวรไม่ต้องถอดเข้า-ออก

2.ปลูกรากเทียมแบบหลายซี่ (Implant-Supported Bridge)

เป็นวิธีที่ใช้ในการทดแทนฟันที่สูญเสียไปหลายซี่ติดกัน หรือมากกว่า 1 ซี่ โดยใช้ การผ่าตัดฝังรากเทียม และติดตั้งสะพานฟันที่ยึดกับรากฟันเทียมโดยตรง ซึ่งมีแกนฟันเชื่อมต่อระหว่างรากเทียมและสะพานฟัน ข้อดีของวิธีนี้คือไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง เหมือนกับการทำสะพานฟันแบบปกติ ช่วยรักษาเนื้อฟันธรรมชาติที่สมบูรณ์ให้คงอยู่ ลดการสูญเสียโครงสร้างฟันที่แข็งแรง

3.ปลูกรากเทียมทั้งปาก (Implant-Retained Denture) 

เป็นวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปาก ไม่ว่าจะเกิดจากปัญหาสุขภาพหรืออุบัติเหตุ โดยจะทำการติดตั้ง รากเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสมบนแนวเหงือกทั้งด้านบนและด้านล่าง เพื่อรองรับฟันปลอมทั้งชุด ปัจจุบันมีเทคนิคการฝังรากฟันเทียมที่ช่วยลดจำนวนรากที่ต้องฝัง เช่น เทคนิค All-on-4 และ All-on-6 ซึ่งช่วยให้ฟันปลอมติดแน่น แข็งแรง และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม 

  • ไม่ต้องกรอเนื้อฟันข้างเคียงเหมือนการทำสะพานฟัน
  • ช่วยรักษากระดูกขากรรไกรในตำแหน่งที่สูญเสียฟัน ป้องกันการละลายของกระดูก
  • ให้ความรู้สึกและการใช้งานใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากกว่าฟันปลอมแบบอื่น
  • เสริมสร้างความมั่นใจ ช่วยให้การพูด การยิ้ม และการออกเสียงชัดเจนขึ้น
  • เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
  • มีอายุการใช้งานยาวนาน แข็งแรง ทนทาน ไม่ต้องถอดเข้า-ออก
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องฟันปลอมขยับหรือหลุดขณะพูดหรือรับประทานอาหาร

ข้อจำกัดของการทำสะพานฟัน

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำฟันปลอมทั่วไป
  • มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เวลานานกว่า อาจต้องรอให้แผลสมานก่อนดำเนินการขั้นต่อไป
  • กระบวนการรักษาค่อนข้างใช้เวลานาน โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องปลูกกระดูกเพิ่มเติม
  • มีข้อจำกัดสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง หรือผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องรับการฉายแสงบริเวณใบหน้า
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ อาจมีโอกาสที่แผลจะสมานตัวได้ช้ากว่าปกติ
  • อาจมีอาการปวดหรือบวมหลังผ่าตัด ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยา (หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์)

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำสะพานฟัน

  • ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป หรือกระดูกขากรรไกรพัฒนาเต็มที่แล้ว
  • ผู้ที่สูญเสียฟันตั้งแต่ 1 ซี่ขึ้นไป หรือหลายซี่ติดต่อกัน
  • ผู้ที่ไม่สะดวกใช้ฟันปลอมแบบถอดได้ หรือมักลืม ทำหาย หรือใส่แล้วรู้สึกหลวม
  • มีสุขภาพเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากที่ดี ไม่มีภาวะที่ส่งผลต่อการสมานตัวของแผลในกระดูก

ทั้งรากฟันเทียมและสะพานฟัน ต่างก็เป็นวิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไป ซึ่งมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพฟัน งบประมาณ และความต้องการของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการทางเลือกที่แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ รากเทียม อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ในขณะที่สะพานฟันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูการบดเคี้ยวและมีข้อจำกัดด้านกระดูกขากรรไกร

Pearl Dental Clinic Chiang Mai พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการดูแลที่ใส่ใจ เพื่อให้คุณกลับมายิ้มอย่างมั่นใจอีกครั้ง โปรโมชันพิเศษวันนี้ทันตกรรม Dental Implant เพียง 29,000 บาทต่อซี่ (จากราคาปกติ 35,000 บาทต่อซี่) พร้อมโปรแกรมผ่อนนาน 0% (10 เดือน) และแผนแบ่งชำระสูงสุด 3 งวด

Facebook
Twitter
Email
X

บทความล่าสุด

นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์

เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์
เวลาทำการ 9.30 – 20.00 น.

ที่อยู่ : 316  โครงการ J Space ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 

แผนที่ : Pearl Dental Clinic