PEARL DENTAL CLINIC

เปรียบเทียบวัสดุรากฟันเทียม ไทเทเนียม vs เซรามิก

เปรียบเทียบวัสดุรากฟันเทียม ไทเทเนียม vs เซรามิก

หลายคนที่วางแผนทำรากฟันเทียมมักสงสัยว่า “ควรเลือกวัสดุรากฟันเทียมแบบไทเทเนียมหรือเซรามิกดี” เพราะแต่ละวัสดุมีคุณสมบัติ ข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน

ดังนั้นในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบคุณสมบัติของทั้งสองชนิด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรากเทียมที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

สารบัญเนื้อหา

รากฟันเทียมคืออะไร และเหมาะกับใครบ้าง

รากฟันเทียม คือการฝังวัสดุทางทันตกรรมลงในกระดูกขากรรไกร เพื่อทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติ จากนั้นจะติดตั้งครอบฟันหรือสะพานฟันให้ใช้งานได้ใกล้เคียงฟันจริงที่สุดเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตทั้งด้านการเคี้ยวอาหาร การพูด และความมั่นใจในรอยยิ้ม

ผู้ที่เหมาะกับการทำรากฟันแบบเทียม ได้แก่

  • ผู้ที่สูญเสียฟันแท้
  • มีสุขภาพช่องปากโดยรวมแข็งแรง
  • มีกระดูกขากรรไกรเพียงพอสำหรับการยึดรากเทียม

ซึ่งควรปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินสภาพช่องปากอย่างละเอียดก่อนเข้ารับการรักษา

วัสดุสำหรับรากฟันเทียมที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

รากฟันชนิดเทียมแบบไทเทเนียม (Titanium Implant

คุณสมบัติเด่นของรากฟันไทเทเนียม

1. ความแข็งแรงและความทนทาน

ไทเทเนียมเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง สามารถทนต่อแรงกัดเคี้ยวได้ดี จึงเหมาะสำหรับการฝังรากฟันเทียมในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย

2. การยึดติดกับกระดูก (Osseointegration)

ไทเทเนียมสามารถยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้อย่างมั่นคง ทำให้รากฟันมีความเสถียรและแข็งแรงในระยะยาว

3. ความเข้ากับร่างกาย

วัสดุไทเทเนียมมีความเป็นชีวภาพสูงและไม่ก่อให้เกิดการแพ้ในคนส่วนใหญ่ จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและการตอบสนองที่ดีต่อร่างกาย

รากฟันชนิดเทียมแบบเซรามิก (Ceramic/Zirconia Implant)

รากเทียมเซรามิก ทางเลือกสำหรับผู้ที่แพ้โลหะ หรือให้ความสำคัญกับความสวยงามสูง เนื่องจากมีสีขาวใกล้เคียงฟันธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับฝังในตำแหน่งฟันหน้าเพราะทนต่อการกัดกร่อน ลดโอกาสเกิดคราบหรือปัญหาเหงือก ทำให้ผู้ป่วยมั่นใจได้ทั้งเรื่องความแข็งแรงและความสวยงาม

คุณสมบัติเด่นของรากฟันเซรามิก

1. สีสันและความสวยงาม

เพราะเซรามิกมีสีใกล้เคียงฟันธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรากฟันเทียมในบริเวณฟันหน้าที่เน้นความสวยงาม

2. ความเข้ากับร่างกายและความปลอดภัย

วัสดุเซรามิกเป็นวัสดุชีวภาพที่เข้ากับร่างกายได้ดี ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อเหงือกเหมือนบางวัสดุโลหะ ทำให้แผลเหงือกฟื้นตัวได้เร็วและลดความเสี่ยงของการอักเสบหรือการติดเชื้อ

3. ข้อจำกัดด้านความแข็งแรง

ถึงแม้เซรามิกจะมีความแข็งแรงแต่ก็ทนต่อแรงกัดเคี้ยวได้น้อยกว่าไทเทเนียม ซึ่งจึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกัดฟันแรงหรือมีปัญหาการบดเคี้ยวสูง

ตารางเปรียบเทียบวัสดุรากฟันเทียมไทเทเนียม vs เซรามิก

คุณสมบัติ

ไทเทเนียม

เซรามิก

การยึดติดกับกระดูก (Osseointegration)

ยึดติดกับกระดูกได้ดีมาก ทำให้รากฟันเทียมมั่นคงและแข็งแรง

ยึดติดกับกระดูกได้ปานกลาง เหมาะกับแรงกัดต่ำ

ความแข็งแรงและทนทาน

แข็งแรง ทนต่อแรงกัดและแรงบดเคี้ยวสูง

เปราะบาง เสี่ยงแตกหักเมื่อรับแรงสูง

ความสวยงาม

สีโลหะอาจไม่เหมาะกับตำแหน่งฟันหน้า แต่สามารถครอบฟันสีเหมือนฟันได้

สีใกล้เคียงฟันธรรมชาติ เหมาะกับตำแหน่งฟันหน้า

อายุการใช้งาน

ใช้งานได้นานและผลลัพธ์เสถียร มีประวัติยาวนาน

อายุการใช้งานสั้นกว่า ขึ้นอยู่กับแรงบดเคี้ยวและตำแหน่งการฝัง

ความปลอดภัยต่อร่างกาย

เข้ากับร่างกายได้ดี ลดโอกาสแพ้หรืออักเสบ

เข้ากับร่างกายได้ดี แต่ความเปราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในบางกรณี

เหมาะสมกับใคร

ผู้ที่ต้องการรากฟันเทียมแข็งแรง ใช้งานได้ทุกตำแหน่ง

ผู้ที่เน้นความสวยงาม ฟันหน้า หรือแรงกัดต่ำ

สรุปคือ วัสดุรากฟันเทียมแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน 

  • ไทเทเนียมเป็นวัสดุที่ใช้กันมายาวนานในวงการทันตกรรม ด้วยความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบา และสามารถยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี 
  • ส่วนเซรามิกมีข้อดีด้านความสวยงามและสีใกล้เคียงฟันธรรมชาติ แต่มีข้อจำกัดเรื่องความเปราะบาง

ปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการเลือกวัสดุสำหรับรากฟันเทียม

การเลือกวัสดุรากฟันเทียมที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำรากฟัน เพราะจะส่งผลทั้งต่อความปลอดภัย ความแข็งแรง และความสวยงามของฟันเทียมในระยะยาว 

ซึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณามีดังนี้

1. ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ

วัสดุที่ดีควรสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกขากรรไกร เพื่อให้แผลฟื้นตัวได้รวดเร็วและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ

2. ความแข็งแรงและการรองรับแรงกัด

วัสดุสำหรับรากฟันเทียมที่ดีต้องมีความแข็งแรงเพียงพอรองรับแรงกัดและการใช้งานประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีนิสัยกัดฟันแรงหรือใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารแข็ง

3. ความสวยงามและลักษณะทางสายตา

ผู้ที่ให้ความสำคัญกับรอยยิ้มควรเลือกวัสดุที่มีสีและลักษณะใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของรากฟันดูเป็นธรรมชาติและสวยงาม

4. อายุการใช้งานและการบำรุงรักษา

วัสดุที่ดีควรมีอายุการใช้งานยาวนานและดูแลรักษาง่าย เช่น ไทเทเนียมสามารถใช้งานได้หลายปีโดยไม่เกิดปัญหา ส่วนเซรามิกแม้สวยงามแต่ต้องระมัดระวังแรงกระแทกและอาหารแข็ง

5. ปัจจัยด้านราคาและงบประมาณ

ราคาของรากฟันเทียมขึ้นอยู่กับวัสดุและเทคนิคการฝัง ดังนั้นควรเลือกวัสดุสอดคล้องกับงบประมาณแต่ไม่ควรลดคุณภาพ เพราะวัสดุที่ดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือแก้ไขในอนาคต

PEARL DENTAL CLINIC คลินิกทำฟันเชียงใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำรากฟันเทียม

PEARL DENTAL CLINIC เรามีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางด้าน รากฟันเทียม พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกวัสดุรากฟันเทียมที่เหมาะสมกับสุขภาพช่องปากของแต่ละคน ด้วยใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานการรักษาที่ทันสมัย มั่นใจได้ว่าการฝังรากเทียมจะมีความแม่นยำ ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม

ติดต่อขอปรึกษาฟรีวันนี้ เพื่อค้นหาทางเลือกการทำรากเทียมที่เหมาะกับคุณได้เลย 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
วัสดุรากฟันเทียมมีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปจะผลิตจากไทเทเนียมและเซรามิก ซึ่งมีคุณสมบัติเข้ากับร่างกายได้ดี แข็งแรง และรองรับแรงเคี้ยวในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จะเลือกวัสดุสำหรับรากฟันเทียมอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

การเลือกวัสดุสำหรับรากเทียมต้องพิจารณาจากสุขภาพช่องปาก ปริมาณกระดูกขากรรไกร ความต้องการด้านความสวยงาม และงบประมาณ โดยทันตแพทย์เฉพาะทางจะช่วยประเมินให้ตรงกับความต้องการของผู้ป่วยมากที่สุด

รากฟันเทียมแต่ละชนิดมีอายุการใช้งานต่างกันหรือไม่

ใช่ ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานและชนิดของรากฟันเทียม แต่หากดูแลอย่างเหมาะสมก็สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายสิบปี

Facebook
Twitter
Email
X

บทความล่าสุด

นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์

เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์
เวลาทำการ 9.30 – 20.00 น.

ที่อยู่ : 316  โครงการ J Space ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 

แผนที่ : Pearl Dental Clinic