Home » รากฟันเทียมกับระบบย่อยอาหาร
รากฟันเทียมมักถูกมองว่าเป็นเพียงวิธีเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีบทบาทสำคัญที่หลายคนคาดไม่ถึง นั่นคือ การช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อฟันหายไปไม่ว่าจะเป็นฟันหน้า ฟันกราม หรือหลายซี่ติดกัน การเคี้ยวอาหารก็จะไม่สมบูรณ์ส่งผลให้อาหารถูกกลืนลงไปแบบหยาบๆ ทำให้กระเพาะและลำไส้ต้องทำงานหนักขึ้นและอาจนำไปสู่อาการท้องอืด แน่นท้อง หรือแม้แต่ปัญหาระยะยาว เช่น กรดไหลย้อน และ”ระบบดูดซึมที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เคยถอนฟันโดยไม่ได้ใส่ฟันทดแทน
รากเทียมจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สามารถเคี้ยวอาหารได้ละเอียดใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ลดภาระระบบย่อยอาหาร และช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมในระยะยาว
ซึ่งในบทความนี้ PEARL DENTAL CLINIC จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ระหว่างการเคี้ยวที่ดีกับระบบย่อยอาหารที่สมดุล พร้อมแนะนำแนวทางเลือกการรักษาที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพช่องปากและระบบทางเดินอาหาร
รากฟันเทียมเป็นนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น แต่ยังส่งผลต่อกระบวนการย่อยอาหารและสุขภาพของระบบทางเดินอาหารโดยรวม เพราะเมื่อฟันธรรมชาติหายไป การบดเคี้ยวอาหารจะไม่เต็มประสิทธิภาพส่งผลทำให้การย่อยอาหารเริ่มต้นช้าลงและไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องผูก หรือกรดไหลย้อนได้ ด้วยเหตุนี้ รากฟันเทียมจึงมีความสำคัญอย่างมากในการทดแทนฟันธรรมชาติ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเคี้ยวอาหารได้ละเอียดและกระจายแรงบดเคี้ยวได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสที่ฟันซี่อื่นจะเสียหาย และช่วยรักษาสุขภาพขากรรไกรให้แข็งแรงด้วย
รากฟันเทียมจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเคี้ยวอาหารได้ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด ต่างจากฟันปลอมที่อาจเลื่อนหลุดหรือหลวมขณะเคี้ยว ลดภาระการทำงานของกระเพาะอาหาร และส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
เพราะหลังถอนฟัน หากไม่ใส่รากเทียมทดแทนกระดูกบริเวณขากรรไกรจะเริ่มยุบตัวลงเรื่อยๆ ตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่มีแรงกระตุ้นจากการใช้งานเหมือนตอนที่มีฟันจริงอยู่ การฝังรากจะช่วยกระตุ้นให้กระดูกยังคงแข็งแรง ไม่ละลายหรือยุบตัว ส่งผลดีต่อรูปหน้าโดยรวม และช่วยลดความเสี่ยงเรื่องใบหน้าหย่อนคล้อยก่อนวัย
โดยเฉพาะในกรณีที่ฟันหน้าถูกถอนไป เนื่องจากฟันปลอมบางชนิดอาจส่งผลให้เสียงพูดเพี้ยนหรือหลุดขณะพูดได้ง่าย การฝังรากจึงช่วยให้ฟันใหม่แน่นหนาและคงที่มากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อความมั่นใจในการสนทนา
การมีฟันที่ครบและแน่นหนาจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีรอยยิ้มอย่างมั่นใจอีกครั้ง เหมือนรากเทียมที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะใกล้เคียงฟันจริงทั้งสีและรูปทรง ช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ในชีวิตประจำวัน การทำงาน และการเข้าสังคมเป็นอย่างมาก
รากฟันเทียมมีข้อดีคือไม่ต้องพึ่งพาฟันซี่ข้างเคียงในการยึดเกาะ แตกต่างจากสะพานฟันที่ต้องกรอฟันข้างเพื่อเป็นฐาน จึงสามารถช่วยป้องกันการสึกกร่อนของฟันอื่นๆ และลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือกในอนาคตได้
การสูญเสียฟันกรามหรือฟันหลายซี่ทำให้ความสามารถในการเคี้ยวลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้กระเพาะอาหารต้องรับภาระหนักกว่าปกติจากการย่อยอาหารที่ไม่ผ่านการบดอย่างละเอียด การใส่ฟันทดแทนที่มั่นคงจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เนื่องจากฟันปลอมแบบถอดได้มักมีข้อจำกัดทั้งความหลวม การเคลื่อนตัวขณะเคี้ยว หรือรู้สึกเจ็บเหงือก ทำให้หลายคนเลี่ยงอาหารบางประเภทโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจกระทบต่อการได้รับสารอาหารในแต่ละวัน การทำรากฟันเทียมเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ฟันยึดติดแน่นขึ้น และเคี้ยวอาหารได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
เพราะผู้สูงวัยมักเผชิญกับภาวะที่ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง และหากมีปัญหาเรื่องการเคี้ยวร่วมด้วย เช่น ฟันหลุด ฟันสึก หรือบดอาหารได้ไม่ละเอียด ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการแน่นท้อง ท้องอืด หรือการดูดซึมสารอาหารที่ลดลง การฝังรากเทียมจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพในการเคี้ยวให้ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ พร้อมทั้งช่วยลดภาระของระบบย่อยอาหารโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่มีอาการอาหารไม่ย่อยเรื้อรัง กรดไหลย้อน หรือท้องอืดอยู่บ่อยครั้ง อาจไม่รู้ว่าสาเหตุหนึ่งมาจากการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด เนื่องจากปัญหาสุขภาพฟันที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อไม่สามารถบดเคี้ยวได้ดีพอ อาหารที่กลืนลงไปจะย่อยยากขึ้น ทำให้ระบบทางเดินอาหารต้องทำงานหนักกว่าปกติ การทดแทนฟันที่สูญเสียด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น รากฟันฝังเทียมจะช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ละเอียดขึ้น ลดภาระของกระเพาะอาหารและลำไส้ ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว
แม้ยังไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยอย่างชัดเจน แต่ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน ก็สามารถวางแผนดูแลฟันให้แข็งแรงอยู่เสมอได้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเคี้ยวและระบบย่อยอาหารในอนาคต
เมื่อเห็นถึงข้อดีในของรากฟันเทียมแล้วสิ่งสำคัญที่ตามมาคือการเลือกสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้
ที่ PEARL DENTAL CLINIC เราเน้นการวางแผนอย่างเป็นระบบทั้งในแง่ของตำแหน่งฟัน การสบฟัน และแรงบดเคี้ยว เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเคี้ยวอาหารได้ละเอียด ช่วยลดภาระของระบบย่อยอาหารในระยะยาว โดยรากเทียมที่ใช้จะได้รับการดูแลโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ พร้อมผสานเทคโนโลยีทันตกรรมเข้ากับแนวทางดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการรักษามีสุขภาพช่องปากและระบบย่อยอาหารที่แข็งแรงควบคู่กัน
ด้วยประสบการณ์ด้าน รากฟันเทียม ทีมทันตแพทย์เฉพาะทางของ PEARL DENTAL CLINIC พร้อมให้คำปรึกษาอย่างแม่นยำและปลอดภัย
“ไม่มีใครอยากรู้สึกอึดอัดเวลาทานอาหารทุกมื้อ เพียงเพราะเคี้ยวได้ไม่ดี”
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าการเคี้ยวอาหารไม่เหมือนเดิม อาจถึงเวลาที่ต้องปรึกษาทันตแพทย์เรื่องรากฟันเทียม
จองคิวนัดหมายได้แล้ววันนี้ เพื่อเริ่มต้นการดูแลอย่างมืออาชีพกับทีมผู้เชี่ยวชาญ
ภาพตัวอย่างผู้รับบริการจริงที่กลับมามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
เพราะการบดเคี้ยวที่ไม่ละเอียดจากการสูญเสียฟันจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น การทำรากฟันเทียมช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ละเอียดใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ลดการกลืนอาหารหยาบๆ และส่งผลให้กระบวนการย่อยและดูดซึมสารอาหารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มีความเกี่ยวข้องโดยตรง เพราะหากไม่มีรากเทียมทดแทนฟันที่หายไป การเคี้ยวอาหารจะไม่สมบูรณ์ ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานหนักขึ้น จนเกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด หรือกรดไหลย้อนในบางราย
เหมาะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีฟันไม่ครบหรือใช้ฟันปลอมที่หลวม การทำรากฟันแบบเทียมจะช่วยให้เคี้ยวอาหารได้เต็มที่ ลดภาระระบบย่อยอาหาร และยังช่วยรักษาสุขภาพช่องปากโดยรวม อีกทั้ง ยังช่วยให้ขากรรไกรแข็งแรงและรักษาสมดุลของแรงบดเคี้ยวด้วย
บทความล่าสุด
จัดฟันใสแบบเร่งด่วน (Express / Lite) คืออะไร? เหมาะกับใคร?
ถอนฟันนานแล้ว ยังสามารถใส่รากฟันเทียมได้ไหม?
เปรียบเทียบ “วีเนียร์” vs “ฟอกฟันขาว” เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ
รากเทียมสำหรับคนไข้โรคหัวใจ หรือเบาหวาน ต้องระวังอะไรบ้าง
นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์
เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์
เวลาทำการ 9.30 – 20.00 น.
ที่อยู่ : 316 โครงการ J Space ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
แผนที่ : Pearl Dental Clinic