PEARL DENTAL CLINIC

10 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม ที่หมอฟันอยากบอก

10 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ รากฟันเทียม ที่หมอฟันอยากบอก

หากคุณมีฟันที่ถูกถอนไปหรือมีช่องว่างระหว่างฟันจากการสูญเสียไปด้วยเหตุผลต่าง ๆ และกำลังมองหาวิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไป รากฟันเทียม (dental implant) ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการทำฟันปลอมแบบถาวรที่ดีที่สุดในปัจจุบัน วันนี้ Pearl Dental Clinic Chiang Mai ขอแนะนำ 10 ข้อควรรู้ก่อนทำรากเทียม ที่ทันตแพทย์อยากให้คุณพิจารณาก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณมั่นใจและเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม

สารบัญเนื้อหา

เช็กให้ชัวร์! รวมทุกเรื่องที่ทันตแพทย์อยากบอกก่อนทำ ‘รากฟันเทียม’

1.เลือกคลินิกทำ ‘รากฟันเทียม’ ที่น่าเชื่อถือหรือไว้ใจได้

การเลือกคลินิกสำหรับทำรากฟันเทียม (dental implant) ควรให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์เฉพาะทางมากกว่าความสะดวกในการเดินทาง ต่างจากการจัดฟันที่ต้องพบทันตแพทย์ทุกเดือน การทำรากเทียมไม่จำเป็นต้องพบแพทย์บ่อย ๆ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลของคลินิก ตรวจสอบคุณสมบัติของทันตแพทย์ และอ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของการรักษา 

Pearl Dental Clinic Chiang Mai เราคือคลินิกที่ให้บริการ dental implant โดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทาง พร้อมมาตรฐานที่เชื่อถือได้และผลลัพธ์ที่พิสูจน์แล้วจากผู้เข้ารับบริการจริง พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานในราคาที่เอื้อมถึง ให้ปรึกษาฟรีตั้งแต่ครั้งแรก

2.ราคาและค่าใช้จ่ายของการทำรากฟันเทียม (Dental Implant)

ปัจจุบันรากฟันเทียม มีหลากหลายราคา ขึ้นอยู่กับแบรนด์และวัสดุที่แต่ละคลินิกเลือกใช้ โดยทั่วไป dental implant มีทั้งแบรนด์จากไทย เกาหลี ซึ่งได้รับความนิยม ไปจนถึงแบรนด์ระดับพรีเมียมจากอเมริกา ยุโรป และสวิตเซอร์แลนด์ 

หลายคนอาจสงสัยว่า รากฟันเทียม แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร จริง ๆ แล้ววัสดุหลักที่ใช้ทำ รากฟันเทียม คือ ไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายได้ดีและปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่ความแตกต่างของราคาอาจมาจากคุณภาพ กระบวนการผลิต และเทคโนโลยีเฉพาะของแต่ละแบรนด์ 

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกวัสดุ ควรขอคำปรึกษาจากทันตแพทย์ เพื่อเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ

3.สภาพกระดูกสำหรับการทำรากฟันเทียม (Dental Implant)

ก่อนตัดสินใจทำรากเทียม การตรวจเช็กสภาพกระดูกเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่ามีกระดูกที่เพียงพอสำหรับการฝังรากฟันเทียม โดยการทำเอกซเรย์ 3 มิติ หรือ CT SCAN จะช่วยประเมินสภาพกระดูกอย่างละเอียด หากพบว่าไม่มีความเพียงพอ อาจต้องมีการปลูกกระดูกเสริม หรือการรักษาเหงือกเพิ่มเติมร่วมด้วย 

Pearl Dental Clinic Chiang Mai มีการตรวจสอบสภาพกระดูกอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์การทำ dental implant จะออกมาสมบูรณ์แบบและปลอดภัย

4.คนกลุ่มไหนเหมาะกับการทำรากฟันเทียม

การทำ รากฟันเทียม เหมาะสำหรับ 2 กลุ่มหลัก:

  • กลุ่มแรก คือ ผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติไป และต้องการทดแทนด้วยรากฟันเทียม  เพื่อฟื้นฟูการใช้งานฟันให้เหมือนเดิม
  • กลุ่มที่สอง คือ ผู้ที่ใส่ฟันปลอมทั้งปากหรือบางส่วน แต่พบปัญหาฟันปลอมหลวม หรือถอดฟันปลอมบ่อย ๆ จนลืม dental implant จะช่วยยึดฟันปลอมให้แน่นและใช้งานได้สะดวกขึ้น

5.ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

  • มีความแข็งแรงและช่วยให้การบดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น
  • ทดแทนฟันที่สูญเสียไปและยึดติดกับกระดูก ทำให้ฟันที่ใส่มีความมั่นคงเหมือนฟันธรรมชาติ
  • ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญหรือเจ็บเหมือนฟันปลอม ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย
  • ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในรอยยิ้ม เพราะมีความคล้ายคลึงกับฟันธรรมชาติ
  • ทดแทนการทำสะพานฟันได้โดยไม่ต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงโดยไม่จำเป็น

6.ระยะเวลาและขั้นตอน

การทำทันตกรรมรากฟันเทียมไม่สามารถทำเสร็จภายในครั้งเดียว ในเบื้องต้นผู้ป่วยอาจต้องทราบว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง เช่น การปลูก รากฟันเทียม  ไว้ก่อน หรือในบางกรณีก็สามารถใส่ฟันทดแทนได้ทันที ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ว่าในแต่ละกรณีควรทำอย่างไรเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

7.โดยทั่วไปการทำรากฟันเทียม จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก

ขั้นตอนที่ 1: ประเมินสุขภาพช่องปากก่อนทำรากเทียม

ทันตแพทย์จะทำการตรวจสภาพช่องปากเพื่อประเมินการรักษา โดยเริ่มจากการตรวจสอบตำแหน่งที่ฟันสูญหายหรือถูกถอนออก และพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องฝังรากฟันเทียมหรือไม่ ทั้งนี้จะมีการถ่ายรังสีธรรมดา 3 มิติ หรือ CT Scan เพื่อประเมินความกว้างและความสูงของกระดูกที่เหมาะสมสำหรับการฝังรากฟันเทียม  หลังจากนั้นทันตแพทย์จะวิเคราะห์และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพช่องปาก

ขั้นตอนที่ 2: ฝังรากเทียม (Dental Implant)

หลังจากการวางแผนการรักษา ทันตแพทย์ของเรา Pearl Dental Clinic Chiang Mai จะทำการฝัง รากฟันเทียมลงในตำแหน่งที่วางแผนไว้ ซึ่งจะทำการผ่าตัดเล็กโดยใช้ยาชาเพื่อลดอาการเจ็บปวด หลังจากการฝังราก Dental Implant ทันตแพทย์จะนัดตัดไหมประมาณ 14 วัน และรอให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรระยะเวลาประมาณ 3 เดือน

ขั้นตอนที่ 3: ติดครอบฟัน

หลังจากรอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกแล้ว Pearl Dental Clinic Chiang Mai เราจะทำการนัดหมายคนไข้เข้ามาพิมพ์ปากเพื่อติดครอบฟัน ซึ่งจะช่วยให้การบดเคี้ยวอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความคล้ายคลึงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด

8.คำแนะนำจากทีมทันตแพทย์ Pearl Dental Clinic Chiang Mai

การดูแลหลังทำรากฟันเทียมไม่ได้ยากเหมือนที่คิด เพราะสามารถดูแลได้เหมือนฟันธรรมชาติ แม้ว่ารากฟันเทียมจะไม่สามารถผุได้เนื่องจากเป็นโลหะ แต่หากดูแลไม่ดี อาจทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบได้ ซึ่งเหมือนกับฟันปกติทั่วไป หากมีการอักเสบของเหงือก อาจทำให้กระดูกรอบ ๆ รากฟันเทียม ละลาย และส่งผลให้รากฟันเทียม ติดเชื้อหรือหลุดออกได้

9.การดูแลรักษาหลังการทำฝังรากเทียม

  • แปรงฟันให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
  • ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อวัน เพื่อทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน
  • ขูดหินปูนและพบทันตแพทย์อย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อการดูแลอย่างสม่ำเสมอ

10.การรักษารากฟัน vs การทำรากฟันเทียม ความแตกต่างในการทดแทนฟันสูญเสีย

การรักษารากฟันจะเป็นการรักษาฟันธรรมชาติที่มีอาการผุหรือแตกหักจนทะลุโพรงประสาทฟัน โดยสามารถรักษาให้ฟันกลับมาใช้งานได้ แต่หากฟันถูกถอนออกไป สูญเสียจากอุบัติเหตุหรือปัญหาสุขภาพช่องปากแล้ว การทำรากฟันเทียมจะเป็นทางเลือกในการทดแทนฟันซี่นั้น ด้วยการฝังรากฟันเทียมและติดฟันทดแทนแบบถาวร 

ดังนั้น การทำรากฟันเทียม  จึงเป็นการใส่ฟันเทียมแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปแล้ว แตกต่างจากการรักษารากฟันที่ช่วยกู้ฟันแท้ให้กลับมาใช้งานได้ใหม่จากสุขภาพช่องปาก ฟันผุ ฟันแตก ฯลฯ

อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำรากฟันเทียมเป็นการติดฟันปลอมแบบถาวร แต่ก็มีอายุการใช้งานที่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา หากได้รับการดูแลที่ดี ก็สามารถใช้ได้เรื่อย ๆ ตลอดไป แต่ในส่วนของครอบฟันอาจมีการสึกหรือบิ่นหลังจาก 5-10 ปี ซึ่งสามารถทำการพิมพ์ปากเพื่อทำครอบฟันใหม่ได้อย่างไม่ยุ่งยาก

อย่างไรก็ตาม หากไม่ดูแลสุขอนามัยช่องปากให้ดี เช่น ไม่มาพบทันตแพทย์หรือละเลยการขูดหินปูน อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระดูกและทำให้รากฟันเทียมติดเชื้อและโยกหลุดออกได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรากฟันเทียม

รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน?

รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้ตลอดชีวิตหากดูแลรักษาอย่างดี แต่ครอบฟันอาจต้องเปลี่ยนทุก 5-10 ปีตามการสึกหรอ

ทันตแพทย์จะใช้ยาชาระหว่างการผ่าตัดฝังรากเทียม ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำ หลังการรักษาอาจมีอาการบวมเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ

โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ก่อนจะทำการติดครอบฟันในขั้นตอนสุดท้าย

ดูแลเหมือนฟันธรรมชาติ คือแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์ขูดหินปูนทุก 6 เดือน

เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติและผู้ที่มีปัญหาฟันปลอมหลวม แต่ต้องมีสภาพกระดูกที่แข็งแรงเพียงพอ ซึ่งจะประเมินโดยการเอกซเรย์ก่อนการรักษา

Facebook
Twitter
Email
X

บทความล่าสุด

นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์

เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์
เวลาทำการ 9.30 – 20.00 น.

ที่อยู่ : 316  โครงการ J Space ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 

แผนที่ : Pearl Dental Clinic